วีรพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ / Verapong Sritrakulkitjakarn

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

บทความนิทรรศการ SEE - FOOD / สุวิทย์ มาประจวบ(ราฮวม) วีรพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ (อายิโน๊ะ)


พบ – เห็น
อายิโน๊ะ
                นับจากวันนั้นที่ผมเริ่มวาดรูป  เรื่องราวที่พบเจอได้ก่อร่างตัวผมขึ้นมา  จุดเปลี่ยนสำคัญอันหนึ่งในชีวิตผมเกิดขึ้นเมื่อปี 2544  เป็นปีที่ความฝันความตั้งใจอันหนึ่งในชีวิตผมเกิดเป็นจริงขึ้นมา สิ่งนั้นคือการได้เข้ามาเรียนที่คณะจิตรกรรมฯมหาวิทยาลัยศิลปากร  นับจากตอนนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิตผม  สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือการพบเจอ  การพบที่เกิดจากสถานที่และจุดรวมฝันอันเดียวกัน  บางครั้งมานึกย้อนดูก็แปลกใจว่าเรื่องราวชีวิตของผมนำพาผมจนมาเป็นอย่างตอนนี้ได้อย่างไร  ผมค่อนข้างโชคดีที่ได้โอกาสและสิ่งต่างๆเป็นกำลังใจสร้างให้มีความมั่นใจในสิ่งที่ทำ  แต่ก่อนนั้นผมแทบจะไม่กล้าที่จะฝันไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันจะนำพาเราไปได้หรือเปล่า  แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรผมก็จะทำต่อไปไม่ใช้เพื่อความฝันแต่เพื่อชีวิต ผมเกิดมาก็ทำอะไรไม่เป็นไม่ดีซักอย่าง  มีแค่สิ่งนี้สิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้และมันเป็นสิ่งทำให้รู้สึกว่าตนเองพอจะมีคุณค่าบ้าง  ผมเคยประสบกับช่วงหนึ่งที่แทบไม่ได้ทำงานอย่างจริงจังมันทำให้ผมมีแต่ความสับสนและเคว้งคว้างรู้สึกไร้ค่า  ผมจึงรู้ว่าผมต้องทำ ทำเพื่อทำ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับตนเอง  มันคือความสุขแปลกๆที่เกิดขึ้น  อาจารย์เจนิส เคยพูดในวิชา สุนทรียศาสตร์ว่า “คนดูหนังดูละครมักร้องไห้  แต่ไม่เคยเห็นคนดูงานศิลปะแล้วร้องไห้” คำพูดนั้นผมจำได้ดี และผมต้องรู้ให้ได้ว่าเพราะอะไร  ตอนนี้ไม่รู้ว่าผมรู้หรือยัง  แต่ผมว่าผมพอจะรู้สึกได้  ซึ่งความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นจากขณะทำงาน  ผมคิดว่าเราต้องรู้จากการทำ ทำจนเห็น  เห็นในสิ่งที่ไม่อาจแทนค่าด้วยตัวอักษรหรือภาษาใดๆได้  มันไม่ใช่การการตีความแปลค่าใดๆหรือจำจากสิ่งที่อ่าน ฟัง มา  แต่มันต้องรู้เองจากการทำ และเมื่อการทำนั้นได้มอบคุณค่าให้กับเราแล้ว  เราควรมอบมันให้กับผู้อื่นต่อ  สิ่งต่างๆจะไร้ค่าถ้าขาดผู้รับ สถานีวิทยุจะไร้ค่าถ้าโลกนี้ไม่มีวิทยุ  ผมคิดว่าทุกสิ่งมีค่าเท่ากันแต่สังคมเรามักจะจัดชนชั้นของสิ่งต่างๆ หลอกผู้อื่นเพื่อเพิ่มค่าให้กับตนเอง  แต่ผมคิดว่าค่าที่แท้นั้นวัดจากสิ่งที่เราทำ  และการทำนั้นเพื่อผู้อื่นให้ได้มากที่สุด  ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำนั้นจะมีคุณค่าหรือยัง  แต่ผมจะทำ ทำต่อไป
 ผมโชคดีที่มักจะได้รับแรงใจจากอดีตมากกว่าคนอื่น  เรื่องราวอดีตที่บอกกล่าว หยาดเหงื่อที่เคยหยดลงบนงาน ลมหายใจที่ยังคงอยู่บนโลก  เมื่อไม่นานมานี้ผมเคยทำหนังสือ “จดหมายถึงอาจารย์ศิลป์” กับเพื่อน  และตอนนี้จดหมายตอบกลับมาแล้ว  เรื่องราวที่มีในจดหมายนั้นผมจะจำไว้  และช่วยตอบความรู้สึกของผมได้  เหมือนป้ายบอกทาง คำๆนั้นช่างเต็มไปด้วยแรงใจและความมุ่งมั่นของอาจารย์  ขอบคุณครับอาจารย์ที่ช่วยแนะนำและให้กำลังใจผม


1 ความคิดเห็น: